วันอังคารที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2553

ภูชี้ฟ้า


ลักษณะภูมิอากาศ อากาศบนภูเขาจะค่อนข้างเย็นแต่ฤดูกาลจะเป็นแบบมรสุมเมืองร้อน โดยได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ในช่วงฤดูฝน และลมตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงฤดูหนาว แบ่งเป็น 3 ฤดู คือ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม ถึง พฤษภาคม ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึง ตุลาคม และฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึง กุมภาพันธ์

ล่องแก่งนครนายก



ระยะทางประมาณ 105 กิโลเมตร จากกรุงเทพ ฯ นครนายกตั้งอยู่ในภาคกลาง จัดเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ใกล้กรุงเทพ ฯ มาก ด้วยพื้นที่ 2,122 ตารางกิโลเมตร นครนายกประกอบไปด้วยพื้นที่ทางการเกษตร แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย เช่น น้ำตกวังตะไคร้ สาริกา นางรอง และ ยังมีพื้นที่บางส่วนเป็นส่วนประกอบของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่อีกด้วย นครนายกมีอาณาเขตติดต่อกับนครราชสีมา สระบุรี ปทุมธานี ปราจีนบุรี และ กรุงเทพมหานคร
นครนายกเคยเป็นถิ่นที่อาศัยของมนุษย์มาตั้งแต่ยุคโบราณ ประมาณ 3000 ปีเศษ โดยเริ่มต้นจากชุมชนเกษตร ริมคลองบ้านนา ต.เขาเพิ่ม อำเภอบ้านนา ต่อมามีชุมชนพัฒนาขึ้นเป็นเมืองชื่อ เมืองดงละคร เมืองนี้มีความเจริญในราวพุทธศตวรรษที่ 14 – 18 ซึ่งอยู่ในยุคสมัยเดียวกันกับทวารวดี มีความเชื่อว่าเมืองนครนายก เป็นเมืองที่เขมรสร้างขึ้น มีมาก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา และเมื่อเขมรอ่อนแอจึงถูกกรุงศรีอยุธยาผนวกไว้ การกำหนดอายุเมืองนครนายกในสมัยยุคกรุงศรีอยุธยา จึงน่าจะเริ่มต้นอย่างช้าได้ในสมัยพระบรมไตรโลกนาถ ดังที่มีปรากฏในกฎหมายพระอัยการ ตำแหน่งนายทหารหัวเมือง จ.ศ. 1289 (พ.ศ. 2020) ที่กล่าวถึง “ออกพระพิบูลสงคราม” ว่าเป็นตำแหน่งเจ้าเมืองนครนายก จวบจนปัจจุบันจังหวัดนครนายกมีอายุ 500 ปีเศษแล้ว
นครนายกแบ่งพื้นที่การปกครองแบ่งออกเป็น 4 อำเภอ 41 ตำบล 403 หมู่บ้าน คือ อำเภอเมืองนครนายก อำเภอปากพลี อำเภอบ้านนา และ อำเภอองครักษ์

การเดินทาง สามารถทำได้ทางรถยนต์เท่านั้นซึ่งสามารถเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวจากกรุงเทพฯ ไปได้ 2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางแรก ไปตามทางหลวงหมายเลข 305 เลียบคลองรังสิตผ่านอำเภอองครักษ์ ระยะทางประมาณ 105 กิโลเมตรเส้นทางที่ 2 ไปตามทางหลวงหมายเลข 1 เลี้ยวขวาที่แยกหินกองไปตามถนนสุวรรณศร (ทางหลวงหมายเลข 33) จนถึงนครนายกระยะทางประมาณ 137 กิโลเมตร หรือทางที่สอง ใช้ทางพิเศษอุดรรัถยา สอบถามเพิ่มเติม โทร. 1543 รถโดยสารประจำทาง บริษัท ขนส่ง จำกัด บริการรถโดยสารประจำทางทั้งรถธรรมดาและรถปรับอากาศ ออกจากสถานีขนส่งหมอชิต 2 ถนนกำแพงเพชร 2 ทุกวันวันละหลายเที่ยว มีเส้นทางเดินรถ 2 เส้นทาง คือ กรุงเทพฯ - หินกอง - นครนายก และกรุงเทพฯ - รังสิต - องครักษ์ - นครนายก นอกจากนี้ยังมีรถสายกรุงเทพฯ - นครนายก - อรัญประเทศ และสายกรุงเทพฯ - องครักษ์ - โรงเรียนนายร้อย จปร. โดยต้องต่อรถเข้าเมืองอีก 7 กิโลเมตร สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 0 2936 3660, 0 2936 3666
รถตู้
อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ – เขื่อนขุนด่านปราการชล รถออกเที่ยวแรกจากอนุสาวรีย์ 6.40 น. เที่ยวสุดท้าย 18.15 น. จากเขื่อนขุนด่าน 04.30 น. และ 17.30 น. สอบถามได้ที่เบอร์ 085 3409385
รังสิต – เขื่อนขุนด่านปราการชล 083 0561982
การเดินทางจากจังหวัดนครนายกไปยังจังหวัดใกล้เคียงจากสถานีเดินรถโดยสารประจำทางจังหวัดนครนายกมีบริการเดินรถไปยังจังหวัดใกล้เคียง เช่น จังหวัดปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระบุรี และจันทบุรี สอบถามรายละเอียดการเดินทางได้ที่ บริษัท ขนส่ง จำกัด นครนายก โทร. 0 3731 1932
สถานที่ท่องเที่ยว มีที่ท่องเที่ยวมากมายดังนี้
น้ำตก นอกจากจะมีน้ำตกที่มีชื่อเสียงเด่นดังเช่น น้ำตกวังตะไคร้, สาริกา, นางรอง นครนายกยังมีน้ำตกอีกมากมายซึ่งยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เช่นน้ำตกโกรกทุเรียน น้ำตกลานรักษ์ น้ำตกช่องลม และน้ำตกแสนงอนเป็นต้น
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ http://www.dnp.go.th/
เขื่อนขุนด่านปราการชล เขื่อนคอนกรีตบดอัดที่ยาวที่สุดในโลก อันเป็นโครงการในพระราชดำริ http://www.khundandam.th.gs/
ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ สถานที่ซึ่งจะนำเสนอโครงการในพระราชดำริให้คุณได้เห็นแบบเป็นรูปธรรม สร้างฐานสังคมการเรียนรู้การพึ่งตนเองอย่างเป็นขั้นเป็นตอนเพลิดเพลินกับการปฏิบัติจริงพร้อมน้อมนำพระราชดำริของระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน เช่น การบำบัดของเสียที่มาจากตัวคน โซนไม้ไผ่กับวิถีชีวิตคนไทย เส้นทางเครื่องแกง การจำลองทฤษฎีแก้มลิง ทฤษฎีอธรรมปราบอธรรม http://www.bhumirak.com/
โรงเรียนนายร้อย จปร, เพื่อแวะชมธรรมชาติ หรือ ดูนก และยังมีกิจกรรมสนุก ๆ ให้คุณเล่นอีกด้วย ลองเข้าไปดูข้อมูลได้ที่ http://www.crma.ac.th/
การทำกิจกรรมสนุก ๆ เช่น การล่องแก่งแม่น้ำนครนายก บริเวณหน้าเขื่อนขุนด่าน ไปเป็นระยะทางประมาณ 7 กม. โดยแพยาง และ เรือคยัค ก็ยังสร้างความสนุกสนานกับสายน้ำอีกด้วย หรือ การขับรถ ATV, Paint Ball และ BB Gun, การโรยตัวหน้าผาจริง กิจกรรมจิ้งจอกเวหา มีผู้ประกอบการหลายท่านให้บริการ ซึ่งท่านอาจหาข้อมูลได้จากหลายแหล่ง เช่น http://www.tat8.com/

ของฝาก ของกิน ริมทางจากน้ำตกสาริกา วังตะไคร้ นางรอง จะมีร้านค้าตั้งเป็นแผงยาวให้คุณเลือกซื้อผลไม้ตามฤดูกาล และอาหารแห้ง พวกกล้วยฉาบ มันฉาบ เผือกฉาบ นอกจากนี้ที่ร้านศรีสุนีย์ยังมีผลไม้แช่อิ่มได้แก่ มะเฟือง มะดัน มะขาม มะม่วง กระท้อน มะนาว มะกรูด http://www.srisuneegroup.com/ อีกอย่างที่ขึ้นชื่อถึงแม้จะมีแค่ช่วงสั้น ๆ แต่ละปีคือ กุมภาพันธ์ – มีนาคม คือมะปราง มีจำหน่ายตามสวนเลย คุณสามารถเข้าไปซื้อถึงสวนได้เลย
ของใช้ ผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่ มีแหล่งผลิตอยู่ที่ตำบลสาริกา อำเภอเมือง สินค้าที่ผลิตได้แก่ เหง้าไม้ไผ่ นำมาแกะสลักเป็นรูปหน้าคน นอกจากนี้ยังทำเป็นเรือใบ นกยูง โคมไฟหัวช้าง เป็นต้น มีขายบริเวณก่อนถึงสามแยกไฟแดงเขื่อนขุนด่านปราการชล ซึ่งบริเวณนี้ถือว่าเป็นแหล่งผลิตด้วย ไม้กวาด มีแหล่งผลิตอยู่ที่ตำบลสาริกา อำเภอเมือง ตำบลนาหินลาด ตำบลโคกกรวด ตำบลหนองแสง อำเภอปากพลี ไม้กวาดนี้ทำด้วยหญ้าพงช้าง ด้ามทำด้วยไม้โมกและไม้ไผ่หิน หาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไปในจังหวัด

วันเข้าพรรษา


วันเข้าพรรษา (บาลี: วสฺส, สันสกฤต: วรฺษ, อังกฤษ: Vassa, เขมร: វស្សា, พม่า: ဝါဆိုး) เป็นวันสำคัญในพุทธศาสนาวันหนึ่ง ที่พระสงฆ์เถรวาทจะอธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ตลอดระยะเวลาฤดูฝนที่มีกำหนดเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตามที่พระธรรมวินัยบัญญัติไว้ โดยไม่ไปค้างแรมที่อื่น หรือที่เรียกติดปากกันโดยทั่วไปว่า จำพรรษา ("พรรษา" แปลว่า ฤดูฝน, "จำ" แปลว่า พักอยู่) พิธีเข้าพรรษานี้ถือเป็นข้อปฏิบัติสำหรับพระสงฆ์โดยตรง ละเว้นไม่ได้ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ก็ตาม[1] การเข้าพรรษาตามปกติเริ่มนับตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี (หรือเดือน 8 หลัง ถ้ามีเดือน 8 สองหน) และสิ้นสุดลงในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือวันออกพรรษา
วันเข้าพรรษา (วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8) หรือเทศกาลเข้าพรรษา (วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ถึง วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11) ถือได้ว่าเป็นวันและช่วงเทศกาลทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญเทศกาลหนึ่งในประเทศไทย โดยมีระยะเวลาประมาณ 3 เดือนในช่วงฤดูฝน โดยวันเข้าพรรษาเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่ต่อเนื่องมาจากวันอาสาฬหบูชา (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8) ซึ่งพุทธศาสนิกชนชาวไทยทั้งพระมหากษัตริย์และคนทั่วไปได้สืบทอดประเพณีปฏิบัติการทำบุญในวันเข้าพรรษามาช้านานแล้วตั้งแต่สมัยสุโขทัย
สาเหตุที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตการจำพรรษาอยู่ ณ สถานที่ใดสถานที่หนึ่งตลอด 3 เดือนแก่พระสงฆ์นั้น มีเหตุผลเพื่อให้พระสงฆ์ได้หยุดพักการจาริกเพื่อเผยแพร่ศาสนาไปตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นไปด้วยความยากลำบากในช่วงฤดูฝน เพื่อป้องกันความเสียหายจากการอาจเดินเหยียบย่ำธัญพืชของชาวบ้านที่ปลูกลงแปลงในฤดูฝน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงเวลาจำพรรษาตลอด 3 เดือนนั้น เป็นช่วงเวลาและโอกาสสำคัญในรอบปีที่พระสงฆ์จะได้มาอยู่จำพรรษารวมกันภายในอาวาสหรือสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยจากพระสงฆ์ที่ทรงความรู้ ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และสร้างความสามัคคีในหมู่คณะสงฆ์ด้วย

วันออกพรรษา


วันออกพรรษา หรือ วันปวารณาออกพรรษา เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาวันหนึ่งในประเทศไทย เนื่องจากเป็นวันสิ้นสุดระยะเวลาจำพรรษา 3 เดือนของพระสงฆ์เถรวาท โดยเป็นวันที่พระสงฆ์จะทำสังฆกรรมปวารณาออกพรรษาในวันนี้ วันออกพรรษาตามปกติ (ออกปุริมพรรษา1) จะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 (ประมาณเดือนตุลาคม) หลังวันเข้าพรรษา 3 เดือน ตามปฏิทินจันทรคติไทย
การออกพรรษานั้น ถือเป็นข้อปฏิบัติตามพระวินัยสำหรับพระสงฆ์โดยเฉพาะ เรียกว่า "ปวารณา"[1] จัดเป็นญัตติกรรมวาจาสังฆกรรมประเภทหนึ่ง ที่ถูกกำหนดโดยพระวินัยบัญญัติให้โอกาสแก่พระสงฆ์ที่จำพรรษาอยู่ร่วมกันตลอดไตรมาสสามารถว่ากล่าวตักเตือนและชี้ข้อบกพร่องแก่กันและกันได้โดยเสมอภาค ด้วยจิตที่ปรารถนาดีซึ่งกันและกัน เพื่อสามารถให้พระสงฆ์ที่ถูกตักเตือนมีโอกาสรับรู้ข้อบกพร่องของตนและสามารถนำข้อบกพร่องไปแก้ไขปรับปรุงตัวให้ดียิ่งขึ้น
เมื่อถึงวันออกพรรษา พุทธศาสนิกชนถือเป็นโอกาสอันดีที่จะเข้าวัดเพื่อบำเพ็ญกุศลแก่พระสงฆ์ที่ตั้งใจจำพรรษาและตั้งใจปฏิบัติธรรมมาตลอดจนครบไตรมาสพรรษากาลในวันนี้ และวันถัดจากวันออกพรรษา 1 วัน (แรม 1 ค่ำ เดือน 11) พุทธศาสนิกชนในประเทศไทยยังนิยมไปทำบุญตักบาตรครั้งใหญ่ เรียกว่า ตักบาตรเทโว หรือ ตักบาตรเทโวโรหนะ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในพุทธประวัติที่กล่าวว่า ในวันถัดวันออกพรรษาหนึ่งวัน พระพุทธเจ้าได้เสด็จลงจากเทวโลกกลับจากการโปรดพระพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ในพรรษาที่ 7 เพื่อลงมายังเมืองสังกัสสนคร[2]พร้อมกับทรงแสดงโลกวิวรณปาฏิหาริย์เปิดโลกทั้งสามด้วย[3]
นอกจากนี้ ช่วงเวลาออกพรรษาตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำเดือน 11 ถึง วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ถือเป็นเวลากฐินกาลตามพระวินัยปิฎกเถรวาท เป็นช่วงเวลาที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยจะเข้าร่วมบำเพ็ญกุศลเนื่องในงานกฐินประจำปีในวัดต่าง ๆ ด้วย โดยถือว่าเป็นงานบำเพ็ญกุศลที่ได้บุญกุศลมากงานหนึ่ง

วันคริสต์มาส


คริสต์มาส[1] (อังกฤษ: Christmas) หรือ วันคริสต์มาส[2][3] (อังกฤษ: Christmas Day; หรือเรียกว่า Christ's mass, Nativity, Yuletide, Noel, Winter Pascha, Xmas) เป็นเทศกาลประจำปี ซึ่งในศาสนาคริสต์ จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซู[4][5] คริสต์มาสตรงกับวันที่ 25 ธันวาคม ของทุกปี แต่ก็ไม่เป็นที่เชื่อกันว่าเป็นวันประสูติของพระองค์จริง สำหรับสาเหตุที่เลือกวันดังกล่าวแต่เดิมมีอยู่หลายประเด็น ซึ่งอาจเป็นเพราะว่า วันนี้เป็นเวลาเก้าเดือนพอดีหลังจากนางมารีย์รับการประสูติของพระเยซู[6] ตรงกับเทศกาลบูชาสุริยเทพของโรมันโบราณ[7] หรือไม่ก็ตรงกับเหมายันในซีกโลกเหนือ[8] ในทางคริสต์ศาสนา คริสต์มาสเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งเป็นวันหยุดยาว 12 วัน[9]
ถึงแม้ว่าแต่เดิมคริสต์มาสจะเป็นเทศกาลที่เฉลิมฉลองโดยคริสเตียน แต่ผู้ที่มิได้นับถือศาสนาคริสต์จำนวนมากก็ได้จัดงานเฉลิมฉลองคริสต์มาสอย่างกว้างขวาง[10][11] วัฒนธรรมสมัยใหม่ของคริสต์มาส รวมไปถึง การให้ของขวัญ เพลงคริสต์มาส การแลกเปลี่ยนการ์ดคริสต์มาส การตกแต่งโบสถ์คริสต์ การรับประทานอาหารมื้อพิเศษ และการตกแต่งบรรยากาศ เช่น ต้นคริสต์มาส มิสเซิลโท ฮอลลี่ เป็นต้น และยังมีตำนานอันเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายเกี่ยวกับซานตาคลอส (หรือ ฟาเธอร์คริสต์มาส) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการให้ของขวัญแก่เด็ก ๆ[12]
เนื่องจากการให้ของขวัญและผลกระทบจากเทศกาลคริสต์มาสได้ทำให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างมาก ทั้งในกลุ่มคริสเตียนและผู้ที่ไม่ใช่คริสเตียน วันดังกล่าวจะกลายเป็นเหตุการณ์สำคัญและช่วงเวลาของสินค้าลดราคาสำหรับผู้ค้าปลีกและธุรกิจ ผลกระทบทางเศรษฐกิจของคริสต์มาสเป็นปัจจัยซึ่งเติบโตขึ้นอย่างคงที่ตลอดเวลาหลายศตวรรษที่ผ่านมาในหลายภูมิภาคของโลก

วันสงกรานต์


สงกรานต์ แปลว่า การย้ายที่ คือ เป็นวันที่พระอาทิตย์โครจรย้ายจากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษ เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ ตามการคำนวณของผู้รู้ทางโหราศาสตร์ ซึ่งจะตรงกับวันขึ้น 1 คำ เดือน 5 แต่การนับวันทางจันทรคตินี้ เมื่อเทียบกับวันทางสุริยคติ ในแต่ละปีจะไม่ตรงกัน จึงถือเอาวันที่ 13 เมษายนของทุกปี เป็นวันสงกรานต์ แต่เดิมเราถือเอาวันสงกรานต์ เป็นวันปีใหม่ของไทย และแม้ว่าในปัจจุบันได้เปลี่ยนไปถือเอาวันที่ 1 มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่ตามสากลเพื่อให้สอดคล้องกับนานาอารยปนะเทศ แต่ก็ยังยึดถือเอาวันสงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่มาจนถึงทุกวันนี้ และยังถือว่าวันที่ 15 เมษายน เป็นวันครอบ

ครัวอีกด้วย

เทศกาลปีใหม่


งานเทศกาลปีใหม่เมืองพัทยา (Pattaya Countdown 2010)วันจัดงาน : วันที่ 25 – 31 ธันวาคม 2552สถานที่จัดงาน : ท่าเทียบเรือท่องเที่ยว(แหลมบาลีฮาย) พัทยาใต้เมืองพัทยา จ.ชลบุรีกิจกรรม- กิจกรรมวันคริสต์มาส เปิดไฟประดับถนน- กิจกรรม Pattaya Countdown 20010- การออกร้านจากร้านค้าชั้นนำ- การเล่นเกมส์รับของรางวัล- การแสดงศิลปะวัฒนธรรมไทย- การประกวด ร้อง/เต้น - การเปิดแผ่นของดีเจทั่วฟ้าเมืองไทย- คอนเสิร์ตจากศิลปินชั้นนำ และชมการจุดพลุสุดอลังการ
สอบถามรายลtเอียดเพิ่มเติม ททท. สำนักงานพัทยา โทรศัพท์ 038-428-750 , 038-427-667เมืองพัทยา โทรศัพท์ 038-253-100